นวนิยาย เรื่องย้าว ยาว.. เรื่อง " การเดินทางของตะวัน "

" การเดินทางของตะวัน "

"ตื่นได้แล้วลูก เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย แล้วไม่มาดูลูกไก่ของลูกเหรอมันร้องหิวข้าวใหญ่แล้ว"
เสียงแม่ของตะวัน ตะโกนเรียกในขณะที่มือก็ทำอาหารเช้าไปด้วยเพื่อให้ลูกๆได้ทานก่อนไปโรงเรียนและใส่ปิ่นโตไปโรงเรียนไว้ทานตอนกลางวันด้วย
คร๊าบบ ตะวันขานรับ และในสมองก็คิดขึ้นมาได้ว่า เออใช่แล้ว ลูกไก่ของเรา ตายล่ะ ตะวันกระเด้งตัวขึ้นมา รีบลุกพลุนพลันวิ่งลงไปใต้ถุนบ้านไม้ หลังคาสังกะสี พื้นเป็นดินที่ปลูกขึ้นใกล้กับคลองที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำใหญ่ นั่นคือแม่น้ำท่าจีน ตะวันเพิ่งจะได้ลูกเจียบมา 5 ตัวเมื่อวานนี้จากตลาดนัด ที่ไปเดินซื้อของกับคุณแม่ มันเป็นลูกไก่ สายพันธุ์ไข่ ที่ตะวันคิดว่าการที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงทั้งที มันก็น่าที่จะได้ปรัะโยชน์จากการเลี้ยงไว้ดูเล่นและเป็นเพื่อนได้ด้วย จึงเลือกเลี้ยงไก่สายพันธุ์ไข่ แบบอิสระ แต่ก็ต้องระวังหมาหน่อย หมาข้างบ้านจะมาเอามันไปเป็นอาหารได้ ตะวันจึงทำกรงใหญ่ๆ ด้วยลวดตาข่าย หลังจากชื่นชมความน่ารักของลูกเจี๊ยบ และให้ข้าวให้น้ำ มันแล้วตะวันก็รีบไปอาบน้ำ แต่งตัวแล้วมาช่วยแม่ลำเลียงอาหารมาวางกลางบ้าน
คุณพ่อของตะวันรับราชการตำรวจ ยศแค่จ่าและตะวันไม่ค่อยได้เห็นหน้าพ่อนัก สิ่งที่ตะวันไม่ชอบที่จะคิดบ่อยๆคือ พ่อมักไปกินเหล้ากับเพื่อนตำรวจด้วยกันหรือไม่ก็ไปราชการต่างจังหวัดนานๆ เดือนนึงจะเจอหน้าพ่อสัก 2 วันมั้ง เราทานอาหารกันกลางบ้าน ไม่มีโต๊ะสำหรับทานอาหาร

 "ทานข้าวเสร็จแล้ว ก็รีบจัดอาหารกลางวันนะลูก เดี๋ยวไปไม่ทันเรือ" แม่บอก บ้านและโรงเรียนของตะวันอยู่ใกล้แม่น้ำท่าจีน โดยเฉพาะโรงเรียนประถมของตะวันยิ่งแปลกกว่าโรงเรียนทั่วไป คือมันตั้งอยู่ท่ามกลางสวนมะพร้าว สวนผลไม้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของความเจริญคือ ที่ทำการอำเภอ ฝั่งของแม่น้ำจะแยกเป็นสองอย่างของความเจริญ กับฝั่งที่เป็นพื้นที่สวนเกษตร ต้องใช้เรือเป็นยานพาหนะ โรงเรียนจะมีเรือยนต์ของโรงเรียนมารับตามจุดท่าที่กำหนดให้ไปรอ และถ้าไปไม่ทันพลาดเรือของโรงเรียน ก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำหรับวันนั้นที่จะต้อง เดินเท้าไปที่ท่าหน้าอำเภอตรงข้ามโรงเรียน และใช้วิธีตะโกนควักมือเรียกครูที่คอยดูแลความปลอดภัยท่าหน้าโรงเรียนให้ขับเรือข้ามฝากมารับ เพราะสมัยที่ตะวันยังเด็กนั้น เป็นยุคที่ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้กันในประเทศนี้ แม้โทรศัพท์ธรรมดาที่โรงเรียนยังไม่มีเลยเป็นการอนุรักษ์ระบบโบราญไว้แบบเหนียวแน่นมาก
ตะวันยังมีพี่คนโตอีกหนึ่งคน และพี่สาวอีกหนึ่งคน ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมากที่ตามธรรมดาแล้ว เด็กผู้ชายที่เป็นพี่น้องกันมักจะสนิทและเล่นด้วยกัน แต่กับพี่ชายคนโตตะวันกลับไม่ได้เล่นด้วยกันแต่กลับไปสนิทกับพี่สาวคนกลางมากกว่า แต่ไม่ได้หมายึความว่าตะวัน มีความเบี่ยงเบนทางเพศนะครับ
อาจจะเป็นเพราะพี่สาวช่วยแม่เลี้ยงน้องมาเลยทำให้ ตะวันสนิทกับพี่สาวมากกว่า
แต่ก็อีกอะ เด็กผู้ชายก็ต้องเป็นเด็กผู้ชายวันยังค่ำ ตะวันจึงต้องออกไปเล่นสนุกสนานตามประสาเด็กผู้ชายกับเพื่อนๆนอกบ้าน การเล่นสนุกสนานของเด็กชนบทใกล้แม่น้ำใหญ่จะมีอะไรนอกเสียจากกระโดเล่นน้ำจากที่สูงๆและต้องกระโดให้ไปได้ไกลๆ โชว์ท่าทางต่างๆให้พิศดารที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากการกระโดเล่นน้ำแล้ว สิ่งที่ท้าทางพวกเด็กแม่น้ำอย่างเรามากที่สุดอีกอย่างที่ถ้าหากผู้ใหญ่รู้เข้าก็มีหวังถูกหวดก้นลายและอาจจะไม่ให้ไปเล่นน้ำอีกเลย นั่นก็คือการที่ขึ้นไปเดินเล่น นั่งนอน บนกอสวะยักษ์ กอสวะยักษ์ก็คือผักตบชวาและกอวัชพืชที่เกาะตัวจนกลายเป็นเกาะเล็กๆของพืชน้ำที่หนาแน่นจนสามารถขึ้นไปอาศัยยืนได้แต่ก็อาาจจะจมลงน้ำไปนิดหน่อยแต่ก็พอที่จะช่วยพยุงตัวอยู่บนนั้นได้สบาย เรียกว่าถ้าหากเอาไม้กระดานแผ่นใหญ่ๆไปปูหาเสื่อไปปูทับอีกทีก็กลายเป็นยานพาหนะทางน้ำได้เลย  ซึ่งเสี่ยงต่อการเจองูน้ำที่อาศัยกอวัชพืชยักษ์นี้เป็นบ้านของมันมาก เพราะฉนั้นผู้ใหญ่จึงไม่ชอบให้เด็กๆไปเล่นบนนั้น อีกอย่างนึงที่อันตรายถึงแก่ชีวิตได้ นั่นก็คือ การแอบเกาะเรือขนส่งสินค้า ที่เรียกว่าเรือเอี่ยมจุ้น ที่ลากตามเรือตัวลากซึ่งอาจจะสินค้าในเรือได้สารพัดอย่าง ยิ่งถ้ามีสินค้าบรรทุกมาเต็มลำเรือก็ง่ายมากต่อการที่จะอาศัยเอามือเกาะกาบเรือที่ปริ่มน้ำ เอื้อมไปเกาะง่ายมาก แต่ต้องไม่ให้เจ้าของเรือรู้เพราะเขากลัวอันตรายจะเกิดขึ้นกับเรา แต่ความซนของเด็กผู้ชายไม่มีที่สิ้นสุด เราไม่คิดถึงอันตรายที่ตามมา นอกจากความสนุกสุดมันส์ ที่เรือลากเราไปตามกระแสน้ำ แม้เป็นการแล่นไปทวนกระแสน้ำก็ตาม ด้วยความที่เป็นลูกแม่น้ำ ตะวันจึงว่ายน้ำแข็ง และอึดต่ออาการเหนื่อย และสามารถดำน้ำได้นานๆ ทุกคนในกลุ่มมั่นใจในการว่ายน้ำของตนเพื่อนๆถึงอนุญาติให้เข้าร่วมแก็งส์ห่ามๆแบบนี้ได้ และเมื่อเรือลากเราไปไกลเป็นกิโลๆ เมื่อถึงท่าที่มีทางขึ้นง่ายๆ เราก็จะปล่อยมือและว่ายเข้าฝั่งเพื่อขึ้น และเดินด้วยเท้าเปล่าๆไปเที่ยวต่อตามตลาด ถ้าหากในกระเป๋าสมีเศษตังค์ ก็จะแบ่งกันหาซื้อขนมและน้ำหวาน แบ่งกันกิน เนื่องจากใช้พลังงานไปมากแล้วในการ เกาะเรือและว่ายเข้าฝั่ง ซึ่งแม่ค้าและชาวบ้านร้านรวงก็จะคิดว่า เอ๊ะไอ้เด็กพวกนี้ไม่เคยเห็นหน้าและมันเล่นน้ำมาเปียกปอนมาเดินซื้อขนมกินแบบตีนเปล่าด้วยนะ มันเป็นเรื่องสนุกแปลกๆซึ่งเด็กชนบทอย่างเราหาทำได้แค่นั้น

จากนั้นก็ถึงเวลากลับบ้าน ซึ่งถ้าโชคดีมีรถกระบะผ่านมาและโบกสำเร็จเพวกเราก็สบายไปไม่ต้องเดินกลับบ้าน แต่ถึงไม่มีรถเราก็ยินดีที่จะเดินด้วยเท้าเปล่ากลับบ้าน ซึ่งก็พอดีเสื้อผ้าแห้งพอดี ซึ่งเรามีแต่กางเกงขาสั้นตัวเดียว อ้อลืมเล่าไปว่า แก็งส์เรามีเด็กผู้หญิงอยู่คนนึง ชื่อตุ่นเป็นน้องลูกของน้าของตะวัน เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่แก่นมาก ตอนแรกๆพวกเราว่าจะไม่ให้ไปด้วยแล้ว เพราะมันอันตรายมาก แต่เธอรบเร้าและขอร้องหลายครั้งที่จะขอไปด้วย สุดท้ายตะวันจึงขออาสาดูแลน้องตัวเองให้ดี พวกเราจึงให้ไปด้วย นั่นหมายถึงตะวันเริ่มที่จะต้องดูแล ชีวิตของญาติตัวเอง นอกจากตัวเองอีกชีวิตนึงให้ดีที่สุดไม่ให้คลาดสายตา ซึ่งตะวันไม่ชอบนักเลย เพราะมันมันส์ไม่ได้เต็มที่ต้องคอยระแวงตลอดเวลา ซึ่งต่อมาตะวันก็ไม่พาไปอีกเพราะมันเสี่ยงเกินไป โดยการแอบไปไม่ให้ตุ่นรู้